วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

BIG House ครั้งแรก

        แนตตี้รีบไปเรียนพิเศษตั้งแต่สี่โมงครึ่ง แต่ว่าได้เรียนเกือบหกโมง=="อย่าไปหงอ เพราะเราอิ่มทุกครั้งก่อนเรียน อิอิ เรียนเส็ดประมาณหนึ่งทุ่มก็ให้จั๊คไปส่งที่ตึก8(ขอบคุณเพื่อนจั๊คที่อุปการะตลอดมา)

        พอไปถึง งาน "BIG HOUSE" ของfreedomKU โอ้ว..เค้าเลิกกันแล้วหรอ ไม่ทันแล้วสิ<คิดในใจ แต่ปรากฎว่ายังไม่ได้เริ่ม เพราะรอMCที่น่ารักที่สุดในโลก (คิคิเราเอง^//^) คนนั้นคือ แนตตี้เองค่ะ 55

หลังจากที่MCพร้อมเราก็เริ่มงานกันเลย!!..

ต๋อง - พูดผลิตภัณฑ์

แป๊ะ - พูดแผนธุรกิจ

เนม - พูดแชร์รายได้

คอมเม้นท์เตเตอร์ คือ พี่อ้วน กับ พี่แตง
          การคอมเม้นท์วันนี้เหมือนการสอนงานพื้นฐานใหม่ให้เรา มีขั้นตอนดังนี้
  • เปิดสไลด์ทีละหน้า บอกจุดมุ่งหมาย ความคาดหวังของสไลด์แต่ละหน้า
  • วิธีการพูดบางจุดที่เราอาจไม่ทันคิด ว่าคนฟังเค้ารู้สึกอย่างไร
  • ตอบข้อโต้แย้ง ทั้งผลิตภัณพ์และแผนธุรกิจ ทำเอาหลายๆคนอึ้ง เพราะไม่เคยรู้มาก่อน ^o^55ต้องเห็นหน้าบางคนอ่ะ เหวอๆ สนุกสนานจิงจิ๊งงานนี้
  • โปรโมทงานCampครั้งที่8 "Moving to เซี่ยงไฮ้"<< งานนี้แนตตี้เชียร์สุดตัวให้ไปเลยอ่ะ เป็นแคมป์ของพี่โจ มันสุดยอดมากๆๆๆๆๆๆถึงมากที่สุด ส่งพลังได้มหาศาล มาหาศาล มาก ล้น สุดตีนนนน (อุ๊ยไม่สุภาพ==) gustงานนี้คือพี่ไตรัตน์อ่ะ ทำหนึ่งเดือนสองวัน<>ได้รายได้หลักแสนต่อเดือน พอคนนี้รวมกันที่โจ มันจะสุดยอดขนาดไหน ไม่อยากจะกรี๊ดดดด>< ติดต่อซื้อบัตรไวๆนะ500คนเท่านั้น เห็นเค้าว่ารีสอร์ทสวยมาก จัดที่ใหม่(โคราช)
after meeting แนตตี้ก็ได้รับเกียรติในฐานะMCคนใหม่ ขึ้นมานำดึงพลังด้วย
กลับบ้านก็มีความสุข ถึงจะเลิกดึกมันไม่รู้สึกเหนื่อยเลยซักนิดนึง

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Aim Star ตั้งเป้าเกินจริงไหม?

สวัสดีค่ะ^^ วันนี้แนตตี้เอา บทความดีๆมาให้อ่านกันค่ะ
ทราบว่าหลายๆคนอาจยังคงติดใจกับคำถามที่ว่า "Aim Star ตั้งเป้าเกินจริงไหม?"
วันนี้เราจะมาแถลงกันให้ชัดเจนไปเลยค่ะ ว่าอัตราการเติบโตของบริษัท เป็นอย่างไร
ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม ตั้งเป้าปีนี้ 15,000 ล้านบาท!! คุณหมอคิดอะไรอยู่นะ ไปดูกันเลยค่ะ

ถามว่า Aim Star ตั้งเป้าเกินจริงไหมเราคงตอบไม่ได้ บ้างว่า “เป็นไปได้” บ้างก็ว่า “ไม่มีทาง” คงไม่ขอพูดในประเด็นนี้ แต่จะชี้แจงให้เห็นอะไรบางอย่าง




จากรูปจะเห็นได้ว่า Aim Star ขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี คือในปี 2549-2550 ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติของธุรกิจที่จะต้องขาดทุนก่อน แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งมาว่า Aim Star พยายามทำงบให้ขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จริง ๆ แล้วผมมองว่าในโลกของธุรกิจคงมีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่พยายามทำงบให้ขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

จากงบการเงินที่ประกาศออกมานั้น จะเห็นได้ว่าสิ้นปี 2551 Aim Star จบยอดที่ 376 ลบ. และพลิกกลับมาเป็นกำไร 57 ลบ. พร้อมจ่ายภาษี 17 ลบ. ซึ่งคงไม่เป็นความจริงที่ว่า Aim Star พยายามทำงบให้ขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจมีบางคนกล่าวอ้างว่า Aim Star จ่ายภาษีไม่ถึง 30% แต่เราต้องอย่าลืมว่า Aim Star ขาดทุนมาติดต่อกัน 2 ปี ซึ่งจะทำให้ Aim Star ได้รับผลประโยชน์ทางภาษีซึ่งนำมาลดหย่อนได้

สำหรับการตั้งเป้าเติบโตของ Aim Star นั้นผมว่าทางผู้บริหารคงไม่ได้ตั้งขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย สังเกตจากเมื่อปี 2551 ผู้บริหารได้ออกมาประกาศว่าปี 2552 ยอดขายจะโตไปถึง 2,000 ลบ. ซึ่งก็ประกาศลงสื่อต่าง ๆ ลองค้นหาข้อมูลใน google น่าจะพอมีให้เห็นบ้าง ซึ่งถ้าเรามองกันแบบปกติจะเห็นว่าตั้งเป้าเติบโตกว่า 400% คงเป็นไปไม่ได้ แต่พอหลังจากปิดรอบบัญชีไป Aimstar ก็ประกาศลงสื่ออีกเช่นกันว่ายอดปี2552 มียอดขายถึง 1,930 ลบ. คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 413% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายว่าในปี 2553 จะทำให้ยอดขายถึง 15,000 ลบ. คิดเป็นเติบโตถึง 677% หลายคนยังคงบอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ซึ่งก็นานาจิตตังครับ ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องโตถึง 15,000 ลบ. หรอกครับ แค่ 10,000 ลบ. ผมก็ว่ามากพอแล้ว แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ใช่ว่าจะตั้งเป้าเติบโตเท่าโน้นเท่านี้ ผมอยากให้มองว่าอะไรบ้างที่มันจะเปลี่ยนแปลงไป หรือเป็นตัวขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโต พูดง่าย ๆ คือ “ปีนี้เราวางแผนยังไง” เรื่องพวกนี้คงไม่มีใครรู้มากนักเพราะส่วนหนึ่งคงเป็นความลับของบริษัท

แต่ส่วนหนึ่งที่เปิดเผยออกมาและเห็นเป็นรูปธรรมคือ การขยายสาขาเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งแค่ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) Aimstar ก็วางแผนเปิดสาขากว่า 9 สาขาเข้าไปแล้ว นอกจากนี้ยังเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่สุขุมวิท 59 มูลค่ากว่า 100 ลบ. อีกทั้งวางแผนขยายตัวไปยังต่างประเทศ โดยในปี 2553 คาดว่าจะเปิดที่ สหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย และที่ประเทศอินเดียด้วย เรื่องเหล่านี้น่าจะช่วยยืนยันได้อีกระดับนึงว่า บริษัทนี้คงไม่ได้เปิดขึ้นมาเพื่อกอบโกยเงินแล้วก็ปิดตัวลง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่บริษัทจะต้องลงทุนเพิ่มมากมายขนาดนี้ หนำซ้ำผู้บริหารยังปรากฏตัวตามสื่อต่าง ๆ อีก ถ้าทำธุรกิจผิดกฎหมายจริงคงไม่ทำให้ตัวเองเป็นข่าวหรอก จริงไหม ? ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอยากให้ลองอ่านบทความจากผู้บริหารด้านล่าง และการประกาศต่าง ๆ ดูก่อน คิดว่าเพื่อน ๆ คงจะเข้าใจอะไรมากขึ้นไม่มากก็น้อยละครับ
 
ขอบคุณบทความดีๆจาก:Splashsum Group

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Review--Bodysoft Rebalancing Shampoo [BodySoft]

วันนี้เชิญพบกับ แชมพูที่สุดยอดมากๆ
               จากประสบการณ์ที่ได้ใช้บอดี้ซอฟท์ รีบาลานซิ่ง แชมพู ขอเริ่มจากกลิ่นก่อนนะคะ
กลิ่น - หอมแบบไม่ฉุด กลิ่นแตกต่างจากที่ใช้ในตลาดมากเลย คล้ายๆกลิ่นลูกอมรสหวามอมเปรี้ยว
ลักษณะ - เป็นเจลใสๆ
การเกิดฟอง - สระครั้งแรกไม่ค่อยเกิดฟองค่ะ สระครั้งสอง ฟองฟอดเต็มหัวเลย ไม่ได้ใช่ปริมาณมากนะคะ อิอิ
               ขณะสระนะคะ กลิ่นก็หอมๆๆ อย่าลืมนวดนะคะ เพราะส่วนผสมของบอดี้ซอฟท์ รีบาลานซิ่ง แชมพูเป็นสารสกัดธรรมชาติและน้ำมันนานาชนิด ซึ่งล้วนแต่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ลดการหลุดร่วง ดูแลและถนอนเส้นผมจากมลภาวะ
               หลังจากสระเสร็จนะคะ ก็ไม่ได้ใช้ครีมนวดผมแต่อย่างใด ก็รู้สึกผมแห้งๆ นึกว่าเปาผมเสร็จแล้วจะฟูเป็นสิงโต แต่ก็ไม่ได้ฟูอะไรนะคะ แถมผมยังมันๆเงาๆ พอจับดูนิ่มๆ(ขนาดผมเสียนะ)รู้สึกได้เลยว่าไม่มีสารเคมีตกค้างเหมือนยี่ห้อที่ใช้อยู่ (ยี่ห้อที่ใช้ตามท้องตลาดจะใช้waxเป็นส่วนผสมแทนพวกน้ำมันนะคะเพราะมันจะเงาๆหนักๆ ทำให้เมื่อสระเสร็จผมจะดูเงางามมีน้ำหนัก แต่พอจับดูนะรู้สึกเหมือนสระผมไม่สะอาด มีใครเป็นบ้างหรือป่าวค่ะ? และที่สำคัญนะมันประหยัดไงล่ะ555)
             
              

 

Review--Relaxing Lavender Shower Gel [BodySoft]

 วันนี้รีวิวหอมๆกับ เจลอาบน้ำกลิ่นลาเวนเดอร์ นะคะ

          ใครที่ไม่ชอบอาบน้ำ ไม่ชอบถูสบู่ ใช้ตัวนี้แล้วจะอยากอาบน้ำบ่อยเลยล่ะค่ะ เพราะเจลอาบน้ำของเอมสตาร์ไม่ธรรมดาจริงๆ อิอิ
           จากประสบการณ์นะคะ เจลอาบน้ำส่วนใหญ่จะลื่นๆเวลาล้างออกจะเหมือนอาบไม่สะอาด มีเพื่อนๆคนไหนเป็นบ้างไหมคะ? แต่รีแลคซิ่ง ลาเวนเดอร์ ชาวเวอร์ เจลไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เมื่ออาบน้ำเพื่อนๆจะได้กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ เพราะเราใช้หัวน้ำมันหอมระเหยที่ดีที่สุด แบบในสปาชั้นนำระดับโลก (เอ๊ะ.โม้รึป่าว? บางคนอาจเกิดคำถามในใจ) ไม่โม้หรอกค่ะ คุณหมอลพา(ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท) ท่านทำธุรกิจสปาข้ามชาติและเป็นนายกสมาคมสปาของประเทศไทย ..โหววว..แค่นี้ก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้วว่าน้ำมันหอมระเหยที่เราใช้จะมีคุณภาพดีแค่ไหน ^^
           นอกจากกลิ่นหอมที่ผ่อนคลายแล้วนะคะ เวลาอาบได้ยังรู้สึกเย็นๆ สดชื่นๆอีกด้วย แบบว่า..ถูไป ดมไป ถูไป ดมไป ตลอดเลยล่ะค่ะ จากที่แนตตี้อาบน้ำสิบนาทีเสร็จ ตอนนี้นานขึ้นเป็นเท่าตัว555 เพราะมัวแต่สูดๆๆกลิ่นตลอดเวลาที่อาบ นวดๆๆอยากให้น้ำมันซึมเข้าผิวเยอะๆ ก็แหม..นอกจากลาเวนเดอร์แล้วเนี่ย เค้ายังมีน้ำมันหอมจากดอกมะลิ ซึ่งกลิ่นมันก็ปนๆกับลาเวนเดอร์น่ะค่ะ หอมมากกก น้ำมันจากอะโวคาโดและสารสกัดจากว่าหางจระเข้ ซึ่งคงความชุ่มชื่อให้กับผิวตลอดวัน สารสกัดจากฮอร์สเซสนัทที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวีนของโลหิตและคงความชุ่มชื่นแน่นกระชับให้กับผิว และของแถมสุดท้าย..สารสกัดจากยี่หร่าที่ช่วยรักษาผิวจากมลภาวะที่โหดร้ายตามท้องถนน (กรี๊ดๆๆ) ในเมื่อผลิตภัณฑ์ดีขนาดนี้ แนตตี้ก็ขอส่งต่อความประทับใจให้เพื่อนๆนะคะ ตอนนี้เค้าออกมาใหม่เป็นขวดกลมๆนะคะ หยิบจับสะดวกสบายขึ้นเยอะเลย
ปล.รอรูปก่อนนะ หากล้องไม่เจอ อิอิ